กิจกรรม (Activity)
สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาหลักสูตรท้องถิ่น 
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่จะนำมาใช้ดำเนินการการนำแนวคิดและรูปแบบจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในมาตรา 27 วรรคสองที่กำหนดให้กำหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของสาระของหนักสูตรที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่กำหนดขึ้น เป็นการพัฒนาหลักสูตรครบวงจร ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญ 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในด้านต่าง ๆ
การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อให้สามารถกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตในการเรียนการสอน รวมทั้งสิ่งที่คาดหวังให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดประสงค์
1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของชุมชน
 โรงเรียนมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ปลูกฝังเยาวชนในชุมชนให้เป็นพลเมืองที่ดีเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมต่อไป จึงต้องทราบข้อมูลชุมชนเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนนั้น ๆ ข้อมูลของชุมชนที่สำคัญมีดังนี้
1.ข้อมูลทั่วไปของชุมชน เช่นแผนที่ตั้ง ประวัติความเป็นมา จำนวนประชากร เพศ อายุ ศาสนาฯลฯ
2.ข้อมูลด้านการศึกษา จำนวนผู้จบการศึกษาในระดับต่าง ๆ จำนวนนักเรียนในระดับต่าง ๆ ฯลฯ
3.ข้อมูลศิลปวัฒนธรรม เช่นภาษาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯลฯ
4.ข้อมูลพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่นรายได้ อาชีพ
5.ภูมิปัญญาท้องถิ่น
 6.ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในชุมชน เช่นยาเสพติด มิจฉาชีพ โจร เป็นต้น
 วิธีการศึกษาชุมชน สามารถดำเนินการได้ดังนี้
 -ศึกษาแบบทุติยภูมิ (เอกสาร,งานวิจัย,สื่อสิ่งพิมพ์)
-ศึกษาแบบปฐมภูมิ (สำรวจ,ลงพื้นที่,สอบถาม,สังเกต)
1.2 การวิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
บุคลากร งบประมาณ อุปกรณ์ และสื่อต่าง ๆ ห้องต่าง ๆ ปัญหาที่เกิดจากการใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสม
1.3 การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง
1. หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533) ให้พิจารณาจาก
1.1 จุดมุ่งหมายของหลักสูตร
1.2 จุดประสงค์ของรายวิชา (ความมุ่งหวังที่ต้องการ)
1.3 เนื้อหาสาระ (โครงสร้างหลักสูตร)
1.4 กิจกรรมการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนรู้
2. หลักสูตรขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้พิจารณาจาก
 2.1 มาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร
 2.2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น
-   8 กลุ่มสาระ
-    กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
2.3 การจัดการเรียนรู้
 2.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
 3. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
 ปรับมาตรฐานการเรียนรู้จากหลักสูตรขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544
3.1 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น
-  8 กลุ่มสาระ (เท่าเดิม)
- วิสัยทัศน์
- พันธกิจ
-  คุณลักษณะอันพึงประสงค์
-  สมรรถนะสำคัญของผู้เรก
- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
-กิจกรรมสาธารณประโยชน์
3.2 การจัดการเรียนรู้
3.3 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
 ซึ่งสถานศึกษาควรนำข้อมูลทั้งสามอย่างนี้มาศึกษาและวิเคราะห์ ได้แก่ สภาพและความต้องการของชุมชน, ศักยภาพของโรงเรียน และหลักสูตรแกนกลาง
ขั้นที่ 2 การร่างหลักสูตร
เป็นการกำหนดแผนการจัดประสบการณ์หรือการกำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และทัศนคติตามเป้าหมายกำหนดไว้
2.1 การกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
 จุดประสงค์ทั่วไป คือเป้าหมายหรือสิ่งมุ่งหวังให้เกิดกับผู้เรียน ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและกระชับ และต้องสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
จุดประสงค์การเรียนรู้ คือเป้าหมายที่มุ่งหวังจำแนกเรื่องและหัวข้อ เช่น ให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาเรียน ให้นักเรียนบอกความหมายของวิชาที่เรียนได้ เป็นต้น
2.2 การกำหนดเนื้อหาสาระ
ควรกำหนดให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของหลักสูตร
2.3 การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมและสื่อต่าง ๆ
ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมแก่ผู้เรียน เนื้อหา จุดประสงค์ และหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการสอน หรือกระทั่งสื่อต่าง ๆ
2.4 การกำหนดวิธีและประเมินผลผู้เรียน
ต้องรู้ถึงคุณภาพของหลักสูตรนั้น ๆ จึงต้องมีการประเมินผลผู้เรียน เพื่อให้ทราบผมสัมฤทธิ์ของแผนการพัฒนาหลักสูตรอันจำเป็นต่อการพัฒนาในครั้งต่อ ๆ ไป
ขั้นที่ 3 การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร
 เมื่อร่างหลักสูตรเสร็จ ต้องมีการตรวจสอบก่อนนำไปใช้ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ความสอดคล้องขององค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่
 -จุดประสงค์
-เนื้อหาสาระ
-การจัดการเรียนการสอน
-กิจกรรมและสื่อการเรียนรู้
-วิธีวัดและประเมินผลผู้เรียน
ทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยปรึกษาและรับฟังข้อเสนอแนะจาก
  คณะทำงานร่างหลักสูตร
  ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขั้นที่ 4 การนำหลักสูตรไปใช้
คือการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน ต้องกำหนดวิธีการจัดการเรียนการสอน กำหนดรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละคาบ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ประสานงาน เพื่อให้การสอนเป็นไปตามวัตถุประสงค์มากที่สุด นอกจากนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการเรียนการศึกษาตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 บัญญัติไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษา ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ” และการเรียนรู้ หมายถึง การปรับเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น การสอนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ (ตามนัยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ) มีดังนี้
1.การเรียนรู้โดยตนเอง คือการสร้างประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม วิทยาการ และโอกาส ให้เอื้อต่อการสร้างแรงจูงใจ เกิดการคิด วิเคราะห์ ฝึกทักษะ ด้วยตนเอง
2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม คือการเรียนรู้เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม นอกจากนั้น ยังต้องเรียนรู้ตนเอง สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมให้สอดคล้องกับค่านิยมอันดีงาม และยึดมั่นในคุณธรรม
3.  การเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ คือ การเรียนรู้ในทักษะชีวิตที่สำคัญ ในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เช่นการสื่อสาร การสร้างสัมพันธภาพ การเห็นใจผู้อื่น เป็นต้น รวมถึง ความรู้ด้านสุขศึกษา เช่น เพศศึกษา ยาเสพติด การแก้ไขปัญหาภายในครอบครัวอีกด้วย ส่วนการเรียนรู้การประกอบอาชีพ ก็คือการเข้าใจในศักยภาพของตนเพื่อเตรียมตัวในการประกอบอาชีพนั่นเอง
4. การเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิด ในการฝึกประสบการณ์และปฏิบัติ เพื่อผจญกับปัญหาจริง และสามารถแก้ไขได้อย่างถูกวิธี
5. การเรียนโดยผสมผสานความรู้ คือการเรียนความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาจิตใจผู้เรียน
6.  การฝึกการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นประชาธิปไตย คือการเรียนรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเองและผู้อื่น, ความเสมอภาค, หน้าที่, และศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
7. การเรียนรู้เรื่องภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม  เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก และและมีความรัก ความหวงแหน ต่อคุณค่าของภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมไทย
8.  การวิจัยเพื่อพัฒนาการกระบวนการเรียนรู้ คือการรวบรวมข้อมูล เพื่อการแก้ไข และเป็นเครื่องมือในการวิจัย ที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างแรงจูงใจ รวมถึงการประเมินคุณภาพ
9.  การเรียนรู้ด้วยความร่วมมือของครอบครัวและชุมชน คือการที่ครอบครัว, ชุมชน, และสถานศึกษา มีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
10.การประเมินผู้เรียน คือ กระบวนการพิจารณาผู้เรียนว่าเป็นไปตามจุดประสงค์หรือไม่ โดยใช้เครื่องมือ เช่น การประเมินผลตามจริง แฟ้มผลงาน การสังเกต การสัมภาษณ์ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น
การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น  กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น  ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอน  ดังนี้  ( กองพัฒนาการศึกษานอโรงเรียน. 2543 : 13 )
            ขั้นที่ 1  การสำรวจสภาพปัญหาของชุมชน
            ขั้นที่ 2  การวิเคราะห์สภาพปัญหาชุมชนและความต้องการของผู้เรียน
            ขั้นที่ 3  เขียนผังหลักสูตร
            ขั้นที่ 4  เขียนหลักสูตร
1.  สำรวจสภาพปัญหาของชุมชน  คือ  การศึกษาข้อมูลเป็นอยู่ของชุมชน เพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น  ผู้สำรวจได้แก่  ครูการศึกษานอกโรงเรียน  ผู้เรียน  และผู้เกี่ยวข้อง  โดยสำรวจข้อมูลจากเอกสารซึ่งเป็นข้อมูลทุติยภูมิ  เช่น  ข้อมูลจากการวางแผนของศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ  ข้อมูลจาก จปฐ. ข้อมูลจาก  กชช.2 ค  และจากหน่วยงานอื่น ๆ  ที่ได้รวบรวมไว้แล้ว  และสำรวจข้อมูลปฐมภูมิที่ผู้สำรวจไปรวบรวมข้อมูลจากชุมชน เป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง  ซึ่งเป็นข้อมูลที่แท้จริง และเป็นปัจจุบันของผู้เรียนและชุมชน
ประเด็นในการสำรวจข้อมูล  เช่น  โครงสร้างด้านกายภาพ  และประวัติชุมชนข้อมูลประชากร  เศรษฐกิจ  การศึกษา  สังคม และวัฒนธรรม  การเมือง  การปกครองและข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของชุมชน
                วิธีการสำรวจสภาพปัญหาของชุมชน  อาจใช้หลาย    วิธีการผสมผสานกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์และเป็นรูปธรรม  เช่น  การสัมภาษณ์  การใช้แบบสอบถาม  การสังเกต หรือการจัดเวทีประชาคม เป็นต้น
2.  การวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน  เมื่อทำการสำรวจชุมชนเสร็จแล้ว  ข้อมูลที่ได้จะมีสภาพปัญหาของชุมชนที่หลากหลาย  มีทั้งปัญหาที่เป็นระดับความต้องการ (What) และปัญหาความจำเป็น (Need)  ดังนั้น จะต้องนำปัญหานั้นมาวิเคราะห์  จัดหมวดหมู่ของปัญหา  เช่น  แบ่งตามประเภทความรุนแรงของปัญหา  ความยากง่ายในการดำเนินการแก้ไขปัญหา  ความเร่งด่วนของปัญหา  และข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน และนำทรัพยากรใช้ให้เกิดประโยชน์
 3.  การเขียนผังหลักสูตร   การจัดทำผังหลักสูตรท้องถิ่น  ผังหลักสูตร  หมายถึง  กรอบความคิดหัวข้อของหลักสูตร  ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน  ประกอบด้วยหัวข้อเรื่อง  หรือหัวข้อเนื้อหาหลัก และหัวข้อย่อยที่ได้จากความต้องการ ( เป็นผลจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา  จากการสำรวจมาจากชุมชน )  ให้นำหัวข้อความต้องการมาจัดทำผังหลักสูตรท้องถิ่น  โดยโครงสร้างของผังหลักสูตร  ประกอบด้วย
หัวเรื่องหลัก ( Theme )  หรือหัวข้อเนื้อหาหลักเป็นหัวข้อที่บอกถึงชื่อเรื่องใหญ่ได้จากกลุ่มความต้องการ  ( ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหา )  ซึ่งจะคลุมความต้องการย่อย ๆ ในขอบข่ายเรื่องเดียวกัน
หัวข้อย่อย  ( Title )  เป็นหัวข้อเรื่องที่ตั้งจากความต้องการย่อยที่อยู่ในกลุ่มความต้องการใหญ่  ซึ่งอาจมีหลายเรื่อง  ในการพิจารณาหัวข้อย่อย  ให้พิจารณาความต้องการย่อยที่วิเคราะห์แล้วก่อน  ถ้าเรื่องใดเป็นเรื่องกลุ่มเดียวกัน  โดยรวมเป็นหัวข้อเดียวกัน
                   การสร้างกรอบหัวเรื่องย่อย  จะต้องจัดลำดับเนื้อหาจากง่ายไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นตามลำดับ  หรือจัดลำดับจากความเร่งด่วน  ไปสู่เนื้อหาที่เร่งด่วนน้อยกว่าการสร้างกรอบหัวเรื่องย่อยสามารถสร้างเพิ่มเติมได้  ดังนั้น  ในแต่ละหัวข้อหลักควรมีกรอบว่างไว้ด้วยเมื่อพบปัญหาใหม่ในเรื่องเดียวกันก็สามารถมาใส่กรอบเพิ่มเติมได้
4.  การเขียนหลักสูตรท้องถิ่น  การเขียนหลักสูตรท้องถิ่น  ทาบา ( Taba ; อ้างถึงในกองพัฒนาการศึกษานอกโรเรียน. 2543 )  มีแนวคิดว่าการพัฒนาหลักสูตร  ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอย่างไร  ควรมีองค์ประกอบ 4 ประการด้วยกัน คือ  1) วัตถุประสงค์ทั่วไปและวัตถุประสงค์เฉพาะวิชา  2) เนื้อหาวิชาและจำนวนชั่วโมงสอนแต่ละวิชา  3)  กระบวนการเรียนการสอนและ  4)  โครงการประเมินผลตามหลักสูตร
                ดังนั้น  การเขียนหลักสูตรท้องถิ่น ได้กำหนดโครงสร้างการเขียนหลักสูตรไว้ดังนี้ คือ
                        1.  ชื่อหลักสูตร
                        2.  ความสำคัญ
                        3.  จุดมุ่งหมาย
                        4.  วัตถุประสงค์
                        5.  เนื้อหาหลักสูตร
                        6.  เวลาเรียน
                        7.  แหล่งเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียน
                        8.  การวัดและประเมินผลการเรียน
                        9.  ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
                      10.  โครงสร้างเนื้อหาของหลักสูตร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น